สีผสมอาหาร

สีผสมอาหารภัยใกล้ตัว ... ที่มากับความสวยงาม
ในปัจจุบันจะพบลว่าทั้งอาหารสด อาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่มต่าง ๆ ที่ขายอยู่ทั่วไป มักมีสีสันสดใสสวยงาม ชวนรับทาน แต่แฝงไว้ด้วยอันตรายเนื่องจากผู้ผลิตมัก ใส่สีสังเคราะห์ทางเคมีลงไปโดยคาดหวังว่า อาหารและเครื่องดื่มที่มีสีสด ใสสวยงามจะเป็นที่ ดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคได้ดี โดยเฉพาะเด็ก ๆ ซึ่งจะช่วยให้ขายดี ได้กำไรมาก ทำให้มองข้ามพิษภัย ที่อาจจะเกิดขึ้นไป ดังนั้นในการเลือก ซื้ออาหารและเครื่องดื่มจำเป็น ต้องคำนึงถึงอันตราย ที่อาจเกิดจากสีผสม อาหารให้มาก ๆ และควรเลือกที่ปลอดภัยให้มากที่สุด
อันตรายจากสีผสมอาหาร

อาหารที่ห้ามใส่สี
ด้านผู้ผลิต

ด้านผู้บริโภค
บริโภคอาหาร และเครื่องดื่มไม่ใส่สีเป็นผลดีต่อสุขภาพ
ข้อมูล สำนักงานอนามัย.สีผสมอาหาร ภัยใกล้ตัวที่มากับความสวยงาม.บริษัทเซเว่นพริ้นติ้ง จำกัด.
พิมพ์ครั้งที่1 :กันยายน พ.ศ. 2537.
ข้อมูลเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2540
สีผสมอาหารมีกี่ประเภท
ตามกฏหมายได้กำหนดสีที่อนุญาตให้ใช้ผสมอาหารได้ 3 ประเภท คือ
ตามกฏหมายได้กำหนดสีที่อนุญาตให้ใช้ผสมอาหารได้ 3 ประเภท คือ
- สีอินทรย์ ที่ได้จากการสังเคราะห์ ได้แก่ สีผสมอาหาร
- สีอนินทรีย์ เป็นสีที่ได้จากสิ่งไม่มีชีวิตในธรรมชาติ เช่นผงถ่านที่ได้จากการเผากาบมะพร้าว เกลือ ทองแดง เป็นต้น
- สีธรรมชาติได้จากการสกัดพืช สัตว์ เช่น
- สีเขียว..........จากใบเตย
- สีแดง...........จากครั่ง กระเจี๊ยบ มะเขือเทศ พริกแดง
- สีเหลือง........จากขมิ้นไข่แดง ฟักทอง
- สีน้ำเงิน........จากดอกอัญชัน เป็นต้น
อันตรายจากสีผสมอาหาร
อันตรายส่วนใหญ่เกิดจากสีสังเคราะห์ทางเคมีซึ่งผู้ผลิตบางคนมักใช้สีย้อมผ้า หรือสีย้อมกระดาษ ซึ่งมีโลหะหนักพวก ตะกั่ว ปรอท สารหนู สังกะสี โครเมี่ยม ปะปนอยู่ซึ่งทำให้เกิดผลต่อร่างกาย ดังนี้
- ตะกั่ว: ระยะแรก จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลี่ยเบื่ออาหารปวดศีรษะ โลหิตจาง ถ้าสะสมมากขึ้นจะมีอัมพาต ที่แขน ขา เพ้อ ชักกระตุก หมดสติ
- ปรอท: กรณีเฉียบพลัน จะมีอาการคลื่นไส้ ท้องเดิน ปวดมวนท้องรุนแรง ถ้าสะสมเรื้อรัง เหงือกจะบวมแดงคล้ำ ฝันตาย เบื่ออาหาร อ่อนเพลี่ย
- สารหนู: จะเกิดพิษต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้ผิดปกติ ตับอักเสบ หัวใจวาย
- โครเมี่ยม:ถ้าสะสมในร่างกายเกินขนาดจะเกิดอาการเวียนศีรษะ กระหายน้ำรุ่นแรงอาเจียน หมดสติ และ เสียชีวิต เนื่องจากไตไม่ทำงาน ปัสสาวะเป็นพิษ

อาหารที่ห้ามใส่สี
อาหารที่ห้ามใส่สีผสมอาหารทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นสีจากธรรมชาติ หรือสีสังเคราะห์ มี 14 ชนิด คือ
- อาหารทารก
- ทอดมัน
- กะปิ
- ข้าวเกรียบ
- แหนม
- ไส้กรอก
- ลูกชิ้น หมูยอ นมดัดแปลงสำหรับเด็ก
- อาหารเสริมสำหรับเด็ก
- ผลไม้สด ผลไม้ดอง
- ผักดอง ชนิดที่ปรุงแต่งทำให้เค็มหรือหวาน
- เนื้อสัตว์ทุกชนิด ที่ปรุงแต่ง รมควัน ทำให้แห้ง
- เนื้อสัตว์สดทุกชนิด ยกเว้น ไก่
- เนื้อสัตว์ทุกชนิดที่ปรุงแต่งทำให้เค็มหรือหวาน
อันตรายจากสีผสมอาหาร
ด้านผู้ผลิต
- ใช้สีจากธรรมชาติใส่ในอาหาร
- ใช้สังเคราะห์ทางเคมีเฉพาะ "สีผสมอาหาร" เท่านั้น โดยใช้ในปริมาณที่กำหนด คือ 1 มิลลิกรัม ต่อ อาหาร 1 กิโลกรัม
- ในการเลือกซื้อสีผสมอาหาร ต้องสังเกตุข้อความบนฉลากดังนี้
- มีคำว่า " สีผสมอาหาร"
- ชื่อสามัญของสี
- เลขทะเบียนอาหารของสีในเครื่องหมาย อย.
- ปริมาณสุทธิ
- ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต

ด้านผู้บริโภค
- เลือกซื้ออาหาร และเครื่องดื่มที่ไม่ใส่สี ถ้ามีสีควรเป็นสีอื่นอ่อน ๆ หรือ สีธรรมชาติ
- ถ้าซื้อขนม อาหาร หรือเครื่องดื่มใส่สีที่บรรจุในภาชนะปิดสนิท ต้องมีเลขทะเบียนตำรับอาหาร หรือ เลขที่ อนุญาตฉลากอาหาร
บริโภคอาหาร และเครื่องดื่มไม่ใส่สีเป็นผลดีต่อสุขภาพ
ข้อมูล สำนักงานอนามัย.สีผสมอาหาร ภัยใกล้ตัวที่มากับความสวยงาม.บริษัทเซเว่นพริ้นติ้ง จำกัด.
พิมพ์ครั้งที่1 :กันยายน พ.ศ. 2537.
ข้อมูลเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2540
Saksiri Sirikul Research